สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร จัดกิจกรรม “หยอดเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรในยุควิกฤตเศรษฐกิจ ช่วยชาติลดปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบจากผลกระทบสงครามรัสเซียกับยูเครน
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2565 ที่แปลงสาธิตการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของนายบุญมาก สิงห์คำป้อง หมู่ 11 บ้านแสงอร่าม ตำบลกุดหมากไฟ อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี นายกฤษฎา บุญราช ประธานสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เป็นประธานจัดกิจกรรม “หยอดเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด โครงการต้นแบบปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์” โดยมีนายนวนิตย์ พลเคน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร นายวันชัย จันทร์พร รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ดร.สุพัฒน์ ทองแก้ว ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทเจริญโภคภัณฑ์โพรดิวส์ (CPP) หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน และเกษตรกรเข้าร่วมกิจกรรม
นายกฤษฎา บุญราช ประธานสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ กล่าวว่า จากกรณีสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้างไปทั่วโลก จากปัญหาการขาดแคลนพืชอาหารและวัตถุดิบสำคัญในการผลิตอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น ปิดทองหลังพระฯ จึงได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กรมส่งเสริมการเกษตร และภาคเอกชนธุรกิจการเกษตร ผุดไอเดียสร้างโมเดลทำเกษตรรูปแบบใหม่ ส่งเสริมการปลูก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แบบ 3 ประโยชน์ กล่าวคือ แก้ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ ใช้องค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีการผลิตที่มีคุณภาพ และสร้างโอกาสเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรในสถานการณ์ที่ตลาดกําลังมีความต้องการข้าวโพด เลี้ยงสัตว์ในปริมาณสูง และมีแนวโน้มที่ราคาจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้เกษตรกรได้รับความรู้ในการพัฒนาวิธีการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้ได้ผลผลิตที่ดีทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ ปิดทองหลังพระฯ จึงได้จัดทำโครงการต้นแบบปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ต้นแบบปิดทองหลังพระฯ 3 จังหวัด คือ อุดรธานี ขอนแก่น และกาฬสินธุ์ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2565 และจะรณรงค์เชิญชวนให้เกษตรกรในพื้นที่ 3 จังหวัดดังกล่าวและจังหวัดใกล้เคียง เข้าร่วมโครงการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในฤดูการผลิตปี 2565/2566 ซึ่งจะเริ่มในเดือนธันวาคม 2565
ทั้งนี้ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับการสนับสนุนปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพสูง ตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย สารกําจัดศัตรูพืช เครื่องจักรกลการเกษตรที่ทันสมัย เช่น โดรนพ่นยา เครื่องหยอดเมล็ด เครื่องหยอดปุ๋ย และการสนับสนุนสินเชื่อปัจจัยการผลิตแบบไม่มีดอกเบี้ย โดยจะหักค่าปัจจัยการผลิตคืนเมื่อเกษตรกรนําผลผลิตมาจําหน่ายที่จุดรับซื้อที่จะตั้งขึ้นใกล้พื้นที่เพาะปลูกมากที่สุด นอกจากนี้ ระหว่างการปลูกจะมีเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ให้ความรู้และแนะนําตลอดกระบวนการปลูก เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและมาตรฐาน
นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในโครงการนี้ มีการคาดการณ์รายได้ขั้นต่ำ โดยประเมินจากปริมาณผลผลิตที่จะได้ไม่น้อยกว่า 1,300 กิโลกรัมต่อไร่ ราคารับซื้อเมล็ดข้าวโพดความชื้นไม่เกินร้อยละ 27 ที่กิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 8.50 บาท หรือตามราคาตลาด ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้ขั้นต่ำ 11.050 บาทต่อไร่ ที่สำคัญหากเกษตรกรที่ยืมปัจจัยการผลิตปฏิบัติตามเงื่อนไขการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แล้ว เงินที่ได้รับจากการขายผลผลิตยังไม่เพียงพอชําระค่าปัจจัยการผลิตฯ จะมีคณะทำงานตรวจประเมินการยกเว้นการชําระค่าปัจจัยการผลิตให้และไม่มีดอกเบี้ยการยืมปัจจัยการผลิต
“ปิดทองหลังพระฯ จะทำหน้าที่ประสานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนราชการ เอกชนและเกษตรกร เพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์มากที่สุด สำหรับราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปัจจุบัน อยู่ที่กิโลกรัมละ 13 บาท เมื่อหักต้นทุนแล้ว คาดว่าเกษตรกรจะมีกําไรไม่ต่ำกว่าไร่ละ 3,000-4,000 บาท ซึ่งนอกจากจะดีกว่าการปลูกข้าวแล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาในเรื่องการขาดแคลนวัตถุดิบให้กับประเทศอีกด้วย
เครือข่ายการประชาสัมพันธ์ ส.ปชส.อุดรธานี